วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557





ที่มา: www rap3g com

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เห็นมีคำเรียกร้องเข้ามา เรื่องให้เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับการ post บทความวิธีสร้าง บทความขายสินค้าใน blogger วันนี้ก็เลยมาทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าวครับ (อ่านดูยังกะคำพูดนักการเมือง ก็ ซักนิดนึงนะครับ เข้ากับบรรยากาศ ช่วงเขียนบทความพอดี 555++)

1. เมื่อ login เข้าไปในหน้าจัดการของ blogger แล้ว ก็ให้คลิกที่ปุ่ม บทความใหม่

2. จะมายังหน้าเขียนบทความ จะประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังแสดงในรูป

3. จากนั้นเรามาเริ่มจากขั้นตอนการหาสินค้ามา post จากเว็บ amazon นะครับ จากเดิมตัวอย่างที่ผมให้ไว้ในบทความก่อนหน้านี้นะครับ http://hotpriceshirt.blogspot.com/ จะเห็นว่าเกี่ยวกับ shirt นะครับ ดังนั้นขอยกตัวอย่างต่อเนื่องจาก keyword คำว่า shirt นี้นะครับ แต่ในตัวอย่างนี้ ผมยกตัวอย่าง สนใจสินค้าคือ women shirt เราก็ไปค้นในหน้า amazon ดังรูป

เมื่อใส่คำค้น และกดค้นหาไปแล้ว จะแสดงรายการสินค้าตาม keyword ที่เราค้า ในที่นี้ ผมจะเลือกสินค้าที่มีคนเคยซื้อและ reviews ไว้แล้ว (ดูจากรูปดาว ในรูป และจำนวนคน reviews ดังในรูป) โดยคลิกลิงค์ที่เป็นชื่อสินค้า

4. จะมายังหน้าสินค้า ก่อนอื่นให้ copy ชื่อสินค้าเพื่อจะนำไปเป็นชื่อบทความใน blogger

เมื่อคัดลอกมาแล้ว จากนั้นนำไปใส่ในช่องหัวข้อของบทความของ blogger จากนั้นอาจใส่คำเพิ่มเข้าไป เช่น cheap buy จะใส่ต่อท้ายหรือนำหน้าก็ได้ครับ

5. จากนั้นถ้าจะใส่รูปสินค้าประกอบ อาจจะใช้วิธี save ลงในเครื่อง แล้วนำมาบันทึกลง หรือจะใช้วิธีเอา url ของรูปมาใช้ก็ได้ครับ ขอแสดงวิธีการด้วยการนำ url ของรูปมาใช้นะครับ เพื่อความสะดวก

ก่อนอื่นกลับไปที่หน้าสินค้าที่เราสนใจนั้น แล้วคลิกที่รูปประกอบ จะเจอ popup รูปใหญ่ขึ้นมา (แล้วแต่ประเภทสินค้านะครับ บางสินค้าสามารถคลิกขวาและ copy url รูปมาได้เลย) จากนั้นในหน้า popup นี้ให้คลิกขวา แล้วทำการเลือก คัดลอก url รูปภาพ

จากนั้นกลับไปที่หน้า post บทความ ให้คลิกที่ไอคอน แทรกรูปภาพดังรูป

จะปรากฏหน้าต่างใหม่ ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้

–>เลือกแทป “จาก URL” –>นำ url รูปที่คัดลอกมาจากวิธีอธิบายข้างต้นมากรอก –> กดปุ่มเพิ่มรายการที่เลือก

เมื่อใส่ภาพไปแล้ว และต้องการจะปรับแต่ง เช่น ลด หรือขยายขนาด ให้คลิกที่รูปครับ จะมีเมนูเพิ่มเติมแสดงออกมาด้านล่าง ดังรูป

ถ้าอยากจะจัดซ้ายหรือขวา ก็มีไอคอนดังรูปครับ (เครื่องมือต่างๆ จะคล้ายกับพวก microsoft office ลองใช้งานดูนะครับเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น)

6. จากนั้น เราก็ใส่ รายละเอียดสินค้าเข้าไป จะเขียนเนื้อหาเองก็ได้ครับ ถ้าใครเก่งภาษาอังกฤษจะช่วยได้มาก เพราะการเขียนเนื้อหาเอง จะช่วยให้ได้ unique content ส่งผลต่ออันดับใน search engine อย่าง google แต่ถ้าใครไม่ถนัด ก็คัดลอกมา จาก amazon ก็ได้ครับ ดังที่แสดงในตัวอย่าง

นำข้อความที่ค้ดลอกมาวางในบทความสินค้า

7. ในกรณีที่เราสม้คร affiliate amazon ผ่านแล้ว เราก็ทำลิงค์ไปยังหน้าสินค้า และแทรก tracking id ของเราเข้าไปในลิงค์ด้วย เมื่อคนคลิกผ่านลิงค์นี้ และไปซื้อสินค้าอะไรก็ตามใน amazon เราก็จะได้ค่าคอมมิสชั่นครับ

รูปแบบลิงค์ก็จะมีด้วยกันหลายแบบ ผมขอยกมาแค่ 2 แบบนะครับ

แบบที่ 1: http://www.amazon.com/dp/[ใส่เลข ASIN ของสินค้า]?tag=[ใส่ trackingid ของเรา]
เช่น  http://www.amazon.com/dp/B0056NIJ9A?tag=yourtrackid-20

แบบที่ 2: http://www.amazon.com/o/ASIN/[ใส่เลข ASIN ของสินค้า]/[ใส่ trackingid ของเรา]
เช่น http://www.amazon.com/o/ASIN/B0056NIJ9A/yourtrackid-20

แบบสุดท้ายเป็นแบบส่งไปหน้ารีวิวสินค้านะครับ
แบบที่ 3: http://www.amazon.com/product-reviews/[ใส่เลข ASIN ของสินค้า]?tag=[ใส่ trackingid ของเรา]
เช่น  http://www.amazon.com/product-reviews/B0056NIJ9A?tag=yourtrackid-20

จากด้านบน บางคนอาจสงสัยว่า ASIN คืออะไร ยกตัวอย่างสินค้าที่ผมยกมานี้นะครับ โดยให้สังเกตุที่ url ของหน้าสินค้าดังในรูป ส่วนที่เป็นกรอบสีแดง คือเลข ASIN

หรือในหน้าสินค้า ถ้าเลื่อนหน้าจอลงไปถัดจากรายละเอียดสินค้า ก็จะเห็นหมายเลข ASIN เช่นกันครับ

เมื่อเข้าในในรูปแบบ url แล้วก็มาดูวิธีใส่ link ในบทความของ blogger กัน

+ สร้างข้อความเช่น Buy it now แล้วทำแถบน้ำเงินเลือกข้อความนั้น
+ คลิกที่ไอคอนคำว่า ลิงค์ จะมีหน้าต่างใหม่ปรากฏขึ้น
+ ใส่ url ตามรูปแบบที่ถูกต้องในช่องที่กำหนด แล้วคลิกตกลง

หรือถ้าใครไม่ชัวร์ว่าลิงค์นั้นถูกต้องหรือไม่ ให้ login เข้าไปในหน้าของ affiliate แล้วคลิกที่เมนูดังรูป (Link checker)

จะมายังส่วนเช็คว่าลิงค์ใช้ได้หรือไม่ ก็ให้เอา url ของ link ที่จะทดสอบนั้นกรอกลงไป และทำตามขั้นตอนในรูป

8. เมื่อใส่รายละเอียดต่างๆ ของบทความเรียบร้อย ส่วนท้ายที่ถือว่ามีผลทาง seo ก็คือ tag ก็ใส่คำค้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเราสั้นๆ ลงไปนะครับ เช่น อาจจะใส่เป็นชื่อสินค้าก็ได้ หรือเป็น keyword ที่สำคัญ เป็นต้น

จากนั้นเรียบร้อยทุกขั้นตอนก็กดปุ่ม เผยแพร่บทความ เราก็จะได้บทความขายสินค้าแล้ว 1 บทความ ต่อไปก็ทำคล้ายๆ กันนี้สำหรับสินค้าอื่นๆ ครับ

 

สมัครใช้งาน blogger

June 19th, 2011No comments
 

จากตอนที่แล้วที่ได้แนะนำให้สมัคร gmail ไว้ก่อน มาขั้นตอนต่อไป ก็เป็นการสมัคร blogger สำหรับการสร้าง free blog ต่อไปครับ

1. มาเริ่มกันเลยครับก่อนอื่นให้ไปที่เว็บ blogger.com ครับ จากนั้นก็กรอก user กับ pass อันเดียวกับ gmail ของเราครับ

2. จะมายังหน้าถัดไป ให้เราทำการกรอกชื่อ User สำหรับที่จะแสดงเวลาเรา post comment ต่างๆ หรือเป็นเหมือนนามปากกาเวลาเราเขียน blog หรือเราไป comment blog คนอื่น มันก็จะแสดงชื่อนี้ครับ

โดยให้ติ้กเครื่องหมายถูกตรงช่อง I accept the Term of Service ด้วย จากนั้นคลิกปุ่ม CONTINUE ดังรูปข้างบน

3. จะมายังหน้าถัดไป ซึ่งจะเป็นหน้าจัดการ blog ของเราทั้งหมด กรณีเรามีหลายๆ blog หน้านี้ก็จะแสดงรายการ blog ของเราทั้งหมดครับ

ให้เราทำการคลิกปุ่ม “สร้างบล็อกของคุณทันที” เพื่อเริ่มสร้าง blog แรกของเรา

4. หน้าถัดไปนี้จะให้ใส่ชื่อ blog ที่เราจะสร้าง จากรูปรายละเอียดดังนี้

4.1 ชื่อเว็บบล็อก ก็ให้กรอกชื่อของ blog เราลงไป

4.2  ที่อยู่บล็อก (URL) ก็ให้ระบบ url ของ blog ที่เราต้องการ กรณีที่จะเอาไปใช้สมัคร Amazon แนะนำให้ตั้งเป็นชื่อกลางๆ ไว้ เช่น cheapshoes, bestpricelcdtv หรือ hotpricegps อะไรประมาณนี้ครับ อันนี้แล้วแต่ท่านสนใจสินค้าในหมวดไหนยังไง เพราะถ้ามีชื่อยี่ห้อหรือรุ่นสินค้าในโดเมน หรือใน url แล้วจะสมัครไม่ผ่านครับ

เราสามารถตรวจสอบได้ว่า url นั้นมีคนใช้งานแล้วหรือยัง ให้กดตรงลิงค์ “ตรวจสอบความพร้อมการใช้งาน” ถ้าไม่ซ้ำกับใคร ก็จะขึ้นดังรูปครับว่า ที่อยู่บล็อกนี้สามารถใช้ได้ จากนั้นก็กดปุ่ม ดำเนินการต่อ

5. หน้าถัดไปจะให้เลือก theme สำหรับ blog ของเรา ก็เลือกตามใจชอบเลยครับ จากนั้นจึงกดปุ่ม ดำเนินการต่อ

6. ระบบจะแจ้งว่าสร้าง blog เสร็จแล้ว เราก็คลิกปุ่ม ปรับแต่งรูปลักษณ์ของ blog กรณีเราอยากจะปรับค่าต่างๆ ก่อนเช่น เปลี่ยนรูปพื้นหลัง ใส่ส่วนเสริมต่างๆ แต่ถ้าไม่ปรับอะไร ให้เรากดปุ่ม “เริ่มต้นการเขียนบล็อก” ได้เลยครับ

7. กรณีที่เรามาหน้าเขียน blog เลย ก็เหมือนกับการเขียนหนังสือต่างๆ ครับดังรูป

7.1 หัวข้อของบทความนั้นๆ เราอาจจะใส่คำว่า Reviews of ตามด้วยชื่อสินค้าก็ได้ครับ

7.2 เนื้อหาของสินค้านั้นๆ ให้เราเลือกสินค้าที่สัมพันธ์กับ blog เรานะครับ ใส่รายละเอียดและก็รูปภาพประกอบไป

7.3 ใส่ tag หรือคำค้นที่สำคัญ ส่วนนี้มีผลทาง seo นะครับ ใส่ไว้ด้วยก็ดี แต่ไม่ต้องเยอะครับ ซัก 2-3 คำ

 

ให้ทำการสร้งบทความสินค้าไว้ซัก 2-3 บทความก็พอครับ

ลองดูตัวอย่าง blog ที่ผมทำไว้เพื่อความเข้าใจครับ http://hotpriceshirt.blogspot.com

เท่านี้เราก็มี blog ขายสินค้า สำหรับที่จะเอาไปไว้ใช้สมัคร amazon เรียบร้อยแล้ว

เดี๋ยวบทความต่อไป มาว่ากันต่อเรื่องการสมัครเป็น affiliate ของ Amazon.com นะครับ

จริงๆ ผมแนะนำว่า รอให้เว็บ index ก่อนค่อยไปสมัครก็ได้นะครับ แต่ถ้าใครใจร้อนก็ไม่เป็นไรครับ สมัครได้เลย คิดว่าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

ที่มา: www.amzhowto.com/tag/สร้าง-blogger/


การทำให้โพสต์ใน Blogger แสดงเป็นหลายคอลัมน์ในแนวตั้ง (Multi post column) แค่เฉพาะในหน้าแรก
แต่เมื่อมีผู้คลิกเข้าไปอ่านที่บทความจะแสดงเป็นขนาดใหญ่ดังเดิม  ซึ่งสามารถดูตัวอย่างได้จากลิงก์นี้
http://maxlayout-bookcase.blogspot.com/
โดยสามารถทำได้ตามขั้นตอนด้านล่างนี้

อธิบายเพิ่มเติม
แต่หากพบว่าขนาดของบทความที่แก้ไขแล้วตามขั้นตอนที่ 1-3 ยังไม่พอดีกับบล็อกของคุณก็ลองอ่านที่ 'อธิบายเพิ่มเติม' เพื่อให้เข้าใจถึงวิธีปรับขนาดบทความขนาดย่อได้ด้วยตัวเอง 

ขั้นตอนที่ 1. เข้าสู่บล็อกของคุณจากนั้นไปที่ 'การออกแบบ > แก้ไข HTML'

ขั้นตอนที่ 2. กด 'Ctrl + F' บนคีย์บอร์ดแล้วสั่งค้นหาคำว่า
]]></b:skin>

จากนั้นให้แทนที่โค้ดที่หาเจอนั้นด้วยโค้ดข้างล่างนี้
]]></b:skin>
<!-- multi post column start -->
<b:if cond='data:blog.pageType != &quot;item&quot;'>
<b:if cond='data:blog.pageType != &quot;static_page&quot;'>
 <style>
 .post {
  width: 230px;
  height: 300px;
  margin: 5px 5px;
  background: #ffffff;
  overflow: hidden;
  float:left;
  border:1px solid silver;
  }

 .post-outer,
 .post-inner {
  background-color: transparent;
  border: none;
  margin: 0;
  padding: 0;
  }

 .post-outer {
  display: inline;
  overflow: hidden;
  }

 .blog-pager {
  width: 100%;
  float: left;
  }

 .date-header  {
  display: none;
  }

 .date-outer,
 .inline-ad {
  display: inline;
  border: none;
  float: left;
  background: transparent;
  margin: 0;
  padding: 0;
 }

 .date-posts {
  overflow: hidden;
  display: inline;
  background: transparent;
  }

 </style>
</b:if>
</b:if>
<!-- multi post column end -->


ขั้นตอนที่ 3. เลือกที่ 'บันทึกแม่แบบ' จากนั้นลองเปิดบล็อกดูผลลัพธ์

อธิบายเพิ่มเติม
ถ้าหากขนาดของบทความขนาดย่อที่แสดงอยู่มีขนาดเล็กหรือใหญ่เกินไปไม่เหมาะกับบล็อกของคุณก็สามารถแก้ได้ง่าย ๆ โดยสังเกตโค้ดจากขั้นตอนที่ 2 ในบรรทัดที่ 7-9 โดยมีรายละเอียดดังนี้

บรรทัดที่ 7 ที่เขียนว่า width: 230px; คือความกว้างของบทความขนาดย่อซึ่งสามาถเลือกให้เป็นค่าคงที่เช่น 230px ตามตัวอย่าง หรือให้เป็นเปอร์เซ็นต์เช่น 40% ก็ได้ โดยถ้าหากลดตัวเลขให้น้อยลงมากๆ ก็จะมี Column เพิ่มขึ้นมาอีก
บรรทัดที่ 8 ที่เขียนว่า height: 300px; คือความสูงของบทความขนาดย่อ
บรรทัดที่ 9 ที่เขียนว่า margin: 5px 5px; คือระยะห่างของแต่ละบทความขนาดย่อ
บรรทัดที่ 10 ที่เขียนว่า background: #ffffff; คือสีพื้นหลังของบทความขนาดย่อ

นอกจากนี้สามารถกำหนดจำนวนบทความที่ถูกแสดงในแต่ละหน้าได้โดยเข้าไปยังเมนูของบล็อกอันนั้นแล้วเลือกที่
การตั้งค่า > โพสต์และความคิดเห็น > แสดงสูงสุด
ซึ่งกำหนดให้เหมาะสมกับจำนวนคอลัมน์ที่ตั้งไว้เช่น ถ้ากำหนดให้บล็อกแสดงบทความเป้น 2 คอลัมน์ก็ควรให้จำนวนบทความในแต่ละหน้าเป็นเลขคู่เพื่อไม่ให้เหลือช่องว่างเพราะจะไม่สวยงาม

ที่มา: http://tip.maxlayout.com/2011/11/blogger-multi-post-column-front-page.html

ก็อย่างที่ทราบกันดี ถ้าหากเรามี blog อยู่ที่ blogger แล้วต้องการย้าย post ทั้งหมดไปที่ wordpress เราสามารถใช้ฟังก์ชั่น import ที่อยู่ในหน้า Tool ของ wordpress ได้ ขั้นตอนการย้ายก็ไม่ยุ่งยาก คลิกแค่ไม่กี่คลิกก็เสร็จ 

แต่ปัญหาที่เราต้องเจอแน่นอนคือ หลังจากย้ายเสร็จ permalink url ของเราจะถูกเปลี่ยนไปตามแบบฉบับของ wordpress ทันที นั่นหมายความว่า ทุก post ที่ index อยู่บน google ซึ่งเป็น url ในแบบฉบับของ blogger จะไม่สามารถนำพาผู้ชมของเรามาที่หน้า post ของ wordpress ได้

แต่ไม่ต้องห่วงแล้ว ด้วยการค้นคว้าของข้าพเจ้า ไปเจอ ที่นี่ move from blogger to wordpress and maintain permalinks and traffic เค้ามีวิธีแก้ดังนี้

ให้เข้าไปที่หน้า admin ของ wordpress จากนั้นเข้าไปที่ Setting-->Permalinks แล้ว copy ข้อความนี้ 

/%year%/%monthnum%/%postname%.html

ไปวางไว้ที่ Custom Structure เท่านี้เราก็ไม่ต้องเสีย traffic ที่ควรจะได้อีกต่อไป ผู้ชมยังสามารถคลิกลิ้งที่หน้า SERP มายังโพสต์ใน wordpress เราได้

 

ที่มา: http://mynameanna.blogspot.com/2010/04/blogger-wordpress-traffic.html

[Free WordPress Plugin] รวมปลั๊กอิน (Plugin) เจ๋ง ๆ ของ WordPress แห่งปี 2013 !!

 
Free WordPress Plugin
สวัสดีครับ ไม่ได้อัพมานานเพราะติดช่วงสอบก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ วันนี้ผมได้รวบรวมปลั๊กอิน (Plugin หรือบางคนอาจเรียก Addon) ที่น่าใช้งานของ WordPress เอามาแนะนำกันครับ แบ่งเป็นหมวดหมู่ให้หาง่าย ๆ มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
WORDPRESS PLUGIN: SOCIAL
  • Disqus Comment System – (แนะนำ) ระบบคอมเม้นท์สุดเทพ คนตอบสามารถล็อกอินด้วย ID Facebook, Twitter ของตัวเองได้ กด Like/Dislike คอมเม้นท์ ฯลฯ เว็บไซต์ดัง ๆ หลายเว็บก็ใช้ระบบนี้ครับ ตัวอย่าง (เลื่อนลงมาดูตรงกล่องคอมเม้นท์)
  • Facebook Comments – ใครไม่ถูกใจกับ Disqus อยากได้ระบบคอมเม้นท์ที่ซัพพอร์ท Facebook ล้วน ๆ ก็ใช้ตัวนี้เลย สามารถตั้งให้คอมเม้นท์ไปโผล่ในหน้า Profile ของคนคอมเม้นท์ได้ด้วย มีปุ่ม Facebook Like อยู่ด้านบนกล่องคอมเม้นท์ด้วย
  • Facebook Like – สำหรับคนที่อยากใช้ Disqus แล้วก็อยากได้ปุ่ม Facebook Like ด้วย ใช้ปลั๊กอินตัวนี้เลยครับ
  • SexyBookmarks – เพิ่มปุ่มแชร์บทความไปยังเว็บไซต์ดังต่าง ๆ เช่น Twitter, Facebook, Digg, Delicious แบบง่าย ๆ และดูดี
  • Sociable – เอาไว้เพิ่มปุ่มแชร์บทความไปยังเว็บไซต์ดังต่าง ๆ เช่นกันครับ หน้าตาจะต่างกับตัวข้างบนนิดนึง
  • Twitter @Anywhere Plus – เพิ่มของเล่นจาก Twitter เอาไว้ใส่ในเว็บไซต์เราหลายอย่าง เช่น กล่องทวีต (แบบในเว็บไซต์ Designil.com นี้), ปุ่ม Retweet, ทำให้ชื่อทวิตเตอร์ เช่น @woraperth ในโพส กลายเป็นลิงค์ไป Twitter อัตโนมติ
  • Wickett Twitter Widget – เอาไว้แสดงทวีตใหม่ ๆ จาก Twitter Account ของเราในส่วน Widget (Sidebar, Footer อะไรพวกนี้)
  • WP Greet Box – แสดงกล่องทักทายก่อนเริ่มบทความ คำพูดในกล่องจะเปลี่ยนไปตามต้นทางลิงค์ที่เข้ามา เช่นถ้าคนเข้ามาจาก Google มันก็จะทักว่า Hello Googler หรือถ้าเข้าจากหน้าเว็บเราปกติก็จะขึ้นลิงค์ให้ Subscribe แทน เจ๋งมาก ๆ ครับ
  • Facebook - ปลั๊กอินที่ Facebook พัฒนาร่วมกับเจ้าของ WordPress ช่วยเพิ่มฟังก์ชั่น Social ต่าง ๆ ให้บลอคของเรา

WORDPRESS PLUGIN: เพิ่ม FUNCTIONS ใหม่ ๆ

  • Related Posts Thumbnails – (แนะนำ) แสดงบทความที่เนื้อหาใกล้เคียงกับบทความที่กำลังอ่านอยู่ พอคนอ่านบทความนึงจบแล้วจะได้หาอะไรอ่านต่อในเว็บเราง่าย ๆ ครับ แล้วยังแสดงรูปประกอบบทความด้วย ทำให้น่าคลิกมาก ๆ ตัวอย่าง (ดูตรง related)
  • WordPress Popular Posts – อันนี้จะคล้าย ๆ กับปลั๊กอินด้านบนครับ แสดงรูปประกอบบทความได้เหมือนกัน ต่างกันที่ว่าตัวนี้จะเอาไว้ใส่ในส่วน Widget (Sidebar หรือ Footer เว็บ) ส่วนปลั๊กอินด้านบนจะแสดงใต้บทความครับ
  • WP Post Ratings – คนอ่านสามารถให้คะแนนโพสของเราได้ เป็นดาว 1-5 ดวง มีบอกด้วยว่ามีคนให้คะแนนกี่คนแล้ว และคะแนนเฉลี่ยกี่ดาว
  • Contact Form 7 – เอาไว้สร้างแบบฟอร์มสำหรับติดต่อเรา ปรับแต่งได้เยอะ ใช้งานง่าย
  • WordPress Form Manager – (แนะนำ) เอาไว้สร้างแบบฟอร์มสำหรับติดต่อ ฟอร์มสมัครสมาชิก หรือฟอร์มแบบต่าง ๆ ได้มากมาย ทั้งยังปรับแต่งได้เยอะ ผมลองใช้แล้วชอบมาก ๆ ครับตัวนี้
  • Better Author Bio – แสดงข้อมูลคนเขียนบทความนั้น ๆ ไว้ใต้บทความครับ แสดงรูป รายละเอียด และลิงค์ไป Twitter, Facebook คล้าย ๆ กล่องแสดงผู้เขียนในเว็บนี้เลย
  • WP Download Monitor – เอาไว้ Upload และจัดการไฟล์สำหรับแจกจ่ายในเว็บเรา โดยตัวนี้จะช่วยนับด้วยว่ามีคนโหลดไปกี่คนแล้ว
  • gTranslate – แปลเนื้อหาในเว็บไซต์เราเป็นอีก 58+ ภาษาโดยอัตโนมัติ ด้วยระบบของ Google Translate
  • WPTouch – เพิ่มธีมสำหรับมือถือ (Mobile Theme) ให้เว็บไซต์เรา ทำให้เวลาคนเข้าเว็บเราด้วยมือถือ เช่น iPhone, Android จะโหลดเร็วขึ้นมาก ๆ
  • Where did they go from here – ตัวนี้จะคล้าย Related post ที่เอาไว้โชว์โพสที่เนื้อหาใกล้เคียงกัน แต่ตัวนี้จะโชว์ว่าคนที่อ่านบทความนี้เค้าอ่านบทความอื่นบทความไหนบ้าง ช่วยเพิ่มทราฟฟิกให้เว็บได้ตรงจุดมากขึ้นครับ (คนเข้าไปอ่านบทความอื่นมากขึ้น)
  • Types – (แนะนำ) เพิ่ม Custom Post Type, Custom Taxonomy, Custom Field เพิ่มความสามารถให้ WordPress กลายเป็น CMS ในพริบตา
  • WP E-Commerce – สร้างร้านค้าฟรี ๆ ด้วย WordPress มีเวอร์ชั่นเสียเงินที่จะได้ Features เพิ่มมากขึ้นครับ
  • Easy Digital Download – ทำระบบขายไฟล์ digital ออนไลน์ง่าย ๆ ฟรี แถมมีสถิติให้ดูด้วย
  • Design Approval System – ทำ WordPress ให้กลายเป็นระบบสำหรับให้ลูกค้าเข้ามาเช็คงานแต่ละเวอร์ชั่น
  • Google MP3 Player – อัพโหลดไฟล์ MP3 ลง WordPress ได้เลย
  • Flexible Post Widget – Widget ที่สามารถดึงโพส WordPress พร้อม option ให้เลือกมากมาย
  • Flexible Recent Post – Widget ดึงโพสล่าสุดใน WordPress พร้อมด้วย option ให้เลือกมากมาย
  • Dynamic To-Top Plugin – เพิ่มปุ่มที่คลิกแล้วจะเลื่อนไปบนสุดของหน้า
  • Display Posts Shortcode – เพิ่ม shortcode สำหรับดึงโพสมาแสดง มี option ให้ตั้งมากมาย
  • Simple Ajax Chat – เพิ่ม Ajax Chat ให้ WordPress ของเรา
  • Table Content Plus – สร้างสารบัญโพสแบบ Wikipedia
  • Pricing Table – เพิ่มตารางราคาลงในเว็บไซต์เรา พร้อมเลือกธีมที่ชอบได้ตามต้องการ
  • Uji Countdown – เพิ่มตัวนับถอยหลังบนหน้าเว็บไซต์ ตกแต่งสีได้ตามต้องการ
  • Liveblog – ทำให้เว็บไซต์เรากลายเป็น Live Blog ง่าย ๆ ด้วยปลั๊กอินนี้
  • Edit Flow – ช่วยให้เว็บที่มีผู้เขียนหลายคน จัดการ content ได้ง่ายขึ้น
  • WP Help – เพิ่มหน้า Help ในส่วน Admin เพื่อบอกวิธีใช้งานสำหรับผู้ใช้แต่ละกลุ่มได้
  • WP User Frontend – เพิ่มความสามารถให้ User ทั่วไปสามารถเพิ่ม / แก้ไข Content บนเว็บได้
  • WP Project Manager – เพิ่มส่วน Project Manager บน WordPress ของคุณ !!

WORDPRESS PLUGIN: ตกแต่งหน้าตา FUNCTION เก่าให้น่าใช้

  • WP Search Suggest – ทำให้กล่องเสิร์จใน WordPress กลายเป็น AJAX ครับ พอพิมพ์ตัวอักษรเข้าไป ยังไม่กดปุ่ม Search มันก็จะหาบทความที่เกี่ยวข้องขึ้นมาให้เลือกเลย
  • Search Light – ทำกล่อง Search ให้เป็น AJAX เหมือนกับตัวด้านบน แต่อินเตอร์เฟซสวยงามน่าใช้กว่า (ถ้าชอบแบบเรียบ ๆ ก็ใช้ตัวข้างบนครับ) ตัวอย่างปลั๊กอินนี้ก็ลองพิมพ์ลงในช่องเสิร์จมุมขวาบนของเว็บไซต์นี้เลย
  • WP jQuery Lightbox – เพิ่ม Effect แบบ Lightbox ให้กับรูปที่ใหญ่เกินขนาดบลอค จนต้องย่อเป็นรูปเล็กให้คลิกไปดูรูปใหญ่อีกที ถ้าใช้ปลั๊กอินนี้พอคลิกแล้วรูปจะขยายในหน้านั้นเลย
  • WP Page Navi – (แนะนำ)แบ่งลิสต์บทความเป็นหน้า ๆ 1, 2, 3, 4, 5 ให้คลิกเลือกง่าย ๆ (โดยปกติจะแสดงแค่ลิงค์ Older Post ต้องคลิกเพื่อไล่ไปดูรายชื่อโพสเก่าทีละหน้า) ตัวอย่างก็ดูได้ในหน้าแรกเว็บไซต์นี้ (Designil.com) ด้านล่างเลยครับ
  • Fluency Admin – ตกแต่งหน้า Admin, Login ของ WordPress ให้สวยงามขึ้น
  • Enhanced Text Widget – เพิ่มความสามารถให้ Text Widget ใส่โค้ด HTML, CSS, JS, Flash, PHP ได้
  • Skin Login – ตกแต่งหน้า Login ของ WordPress ให้สวยงามขึ้นง่าย ๆ
  • Open External Link in New Window – ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าต้องมาตั้งให้ลิงค์นอกเปิดเป็นหน้าต่างใหม่ตลอดเวลาอีกแล้ว แค่ติดตั้งปลั๊กอินนี้ก็เรียบร้อย

WORDPRESS PLUGIN: MEDIA

  • 1 Flash Gallery – สร้าง Gallery รูปด้วย Flash มีเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ มากมาย มีรูปแบบให้เลือกใช้หลากหลาย
  • Nextgen Gallery – ปลั๊กอินไว้สร้าง Gallery รูปอีกตัว แต่ตัวนี้ไม่ใช่ Flash ครับ เอฟเฟ็กต์อาจอลังการน้อยกว่าตัวด้านบนหน่อย แต่น่าจะซัพพอร์ทพวกอุปกรณ์ที่ไม่สนับสนุน Flash (เช่น iPhone, iPad) ได้ดีกว่า
  • Viper Video Quicktag – เพิ่มปุ่มในหน้าเขียนโพส สำหรับใส่วีดิโอจากเว็บไซต์ดัง ๆ เช่น Youtube, Vimeo, Google Video, Flickr ง่าย ๆ
  • MapPress Easy Google Map – ใส่แผนที่ Google Map ในเว็บไซต์เราแบบง่าย ๆ เหมาะกับเว็บที่ต้องแสดงพิกัดต่าง ๆ เช่น เว็บสถานที่ท่องเที่ยว
  • Photodropper – เอาไว้หาภาพจาก Flickr ที่มีลิขสิทธิ์แบบ Creative Commons ในการแปะบนเว็บ เอามาใส่ในบทความของเรา เหมาะกับหาภาพประกอบบทความแบบง่าย ๆ และถูกลิขสิทธิ์

WORDPRESS PLUGIN: SEO

  • WordPress SEO by Yoast – (แนะนำ) ปลั๊กอิน SEO ที่ดีที่สุดตัวนึง ซึ่งถูกนำไปใช้ในเว็บใหญ่ ๆ มากมาย
  • HeadSpace2 SEO – ช่วยให้ SEO ของเว็บไซต์เราดีขึ้นครับ ทำให้ Search Engine เก็บข้อมูลเราดีขึ้น อันดับใน Google สูงขึ้น สามารถเพิ่ม Google Analytics, Google Webmaster ในปลั๊กอินนี้ได้เลย
  • All in one SEO Pack – ปลั๊กอินชื่อดังอีกตัวสำหรับทำ SEO เหมือนกันครับ ไม่ควรลงพร้อมกับตัวด้านบนนะครับเพราะฟังก์ชั่นคล้ายกันมาก ระบบอาจรวนได้
  • Google XML Sitemap – เอาไว้สร้างไฟล์ Sitemap สำหรับ Submit ให้ Google Webmaster ครับ จะทำให้บอท Google เก็บข้อมูลเว็บไซต์เราได้ง่ายขึ้น
  • Google Analytics for WordPress – ใส่โค้ด Google Analytics บนเว็บไซต์เราแบบง่าย ๆ

WORDPRESS PLUGIN: SECURITY

  • Akismet – ปลั๊กอินป้องกัน Spam สุดเทพของ WordPress ที่ถูกต้องประมาณ 98% (อีก 1% หลุด กับอีก 1% ไม่ใช่สแปมแต่ปลั๊กอินตัวนี้มองเป็น Spam) ข้อดีคือมันกรองเอง คนคอมเม้นท์ไม่ต้องกรอก Captcha ให้ยุ่งยาก
  • SI Captcha Anti Spam – สร้าง Captcha ให้คนคอมเม้นท์กรอกเพื่อยืนยันว่าเป็นคนจริง ๆ นะ
  • Limit Login Attempt – ตั้งได้ว่าถ้า Login ผิดกี่ครั้งจะโดนบลอคไปกี่นาที เอาไว้ป้องกันคนแฮครหัส Admin WordPress เราด้วยวิธี Brute-force (เป็นการสุ่มรหัสเอามาล็อกอินเรื่อย ๆ จนกว่าจะถูก)
  • WordPress Database Backup – (แนะนำ) ตั้งเวลา Backup ฐานข้อมูลของ WordPress แบบอัตโนมัติ แถมส่งไฟล์เข้าอีเมลให้ด้วย ติดตั้งไว้ไม่เสียหายครับปลั๊กอินนี้ อุ่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่หายไปไหนเวลาโฮสต์ล่ม
  • Better WP Security – ทำให้ WordPress ของคุณปลอดภัยขึ้น ด้วยการซ่อนส่วนที่จะบอกคนเข้าว่าเว็บทำจาก WordPress และฟีเจอร์อื่น ๆ เพียบ

WORDPRESS PLUGIN: ADVANCED

  • WP Retina 2X – ทำให้เว็บไซต์ของเราซัพพอร์ท Retina Display ด้วยการทำให้รูปกลายเป็นแบบ Hi-Def อัตโนมัติ
  • WP Minify – ย่อขนาดไฟล์ CSS / Javascript แบบอัตโนมัติ ทำให้โหลดหน้าเว็บได้เร็วขึ้น
  • WP Super Cache -  แคชหน้าต่าง ๆ ของ WordPress ไว้ ทำให้โหลดเว็บไซต์ได้เร็วขึ้นหลายเท่า
  • W3 Total Cache – ระบบแคชเหมือนกับ WP Super Cache แต่มีคนแนะนำมาว่าตัวนี้ใช้ดีกว่า
  • Theme-Check – สำหรับคนที่ทำธีมเอง เอาไว้ตรวจเช็คว่าธีมที่เราทำได้มาตรฐานของ WordPress หรือเปล่า ถ้าใครจะทำธีมส่ง Theme Directory ในเว็บไซต์ wordpress.org พลาดไม่ได้เลยครับ
  • Search and Replace – ตามชื่อเลยครับ เอาไว้หาคำ ๆ นึงในทุกโพสบนเว็บเรา แล้วแทนด้วยคำใหม่ เหมาะมากเวลาเราเปลี่ยนเบอร์โทรหรืออีเมลใหม่ครับ (ในกรณีที่เราลงอีเมลไว้หลายโพสมาก
  • Widget Builder - สร้าง Widget ด้วยตัวเองใน WordPress
  • Portable PHPMyAdmin – เข้า PHPMyAdmin จากใน WordPress Dashboard ได้เลย
  • User Role Editor – ตั้ง Role ให้ผู้ใช้แต่ละกลุ่มว่าทำอะไรได้บ้าง
  • Members – ปลั๊กอินอีกตัวที่เอาไว้จัดการ Role รวมถึงทำเว็บที่ต้องสมัครสมาชิกก่อนถึงจะใช้งานได้
  • Adminimize – ซ่อนเมนูในหน้า Admin ที่ไม่ต้องการ
  • Advance Access Manager – จัดการ Access ทุกอย่างทั้ง Front-End และ Back-End ของ WordPress
คนไหนมีปลั๊กอินแล้ว แต่ยังขาด Theme WordPress ฟรี ๆ สวย ๆ Free WordPress Theme แห่งปี 2012 !! ได้เลยครับผม
สำหรับใครที่ยังไม่สะใจ หรือยังไม่เจอปลั๊กอินที่ต้องการ สามารถไปที่ I want WordPress plugin to… ได้ครับ มีให้เลือกมากมาโดยแบ่งแยกตามการใช้งาน แต่ลิงค์นี้ค่อนข้างเก่าแล้ว ไม่ชัวร์ว่าจะใช้กับ WordPress เวอร์ชั่นใหม่ได้หมดมั้ยนะครับ ก่อนโหลดเช็คดี ๆ ครับ
ส่วนปลั๊กอินที่ผมลิสต์ไว้ในหน้านี้ ผมเช็คแล้วนะครับว่าสนับสนุน WordPress เวอร์ชั่น 3+ แล้ว โหลดได้ไม่ต้องกังวลเลย ^^ (บางตัวถึงจะเขียนว่า Support ถึงเวอร์ชั่น 2.9 แต่พอลองลงจริงก็ใช้ได้นะครับ)
ใครอยากได้ปลั๊กอินไว้ทำอะไร ทิ้งคอมเม้นท์ไว้ได้เลยนะครับผม
ที่มา: http://www.designil.com/free-download-wordpress-plugins-themes-wp.html

Firefox download

เรื่องที่น่าสนใจ

เนื้อหาทั้งหมด

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Popular Posts